บทความนี้อ้างอิง
คริสต์ศักราช/คริสต์ทศวรรษ/คริสต์ศตวรรษ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเนื้อหา
เอียน พรีทีแมน สตีเวนสัน (
อังกฤษ: Ian Pretyman Stevenson, 31 ตุลาคม 1918 - 8 กุมภาพันธ์ 2007) เป็น
จิตแพทย์ชาวอเมริกันผู้เกิดใน
แคนาดาเขาทำงานให้กับ
มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียสาขา
แพทยศาสตร์เป็นเวลา 50 ปี เป็นหัวหน้าแผนก
จิตเวชระหว่างปี 1957-1967 ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์จิตเวชคาร์ลสันระหว่างปี 1967-2001 และเป็นศาสตราจารย์จิตเวชด้าน
วิจัยตั้งแต่ปี 2002 จนสิ้นอายุขัย
[1]เพราะเป็นผู้จัดตั้งและผู้อำนวยการแผนกการศึกษาการรับรู้ (Division of Perceptual Studies) ของมหาวิทยาลัย ซึ่งตรวจสอบเรื่องเหนือธรรมชาติ (paranormal) เขาจึงกลายเป็นที่รู้จักเพราะได้ตรวจสอบกรณีของคนที่เขาพิจารณาว่า แสดงนัยว่า
กลับชาติมาเกิด ซึ่งเป็นแนวคิดว่า
ความรู้สึก ความจำ และแม้แต่ลักษณะทาง
ร่างกายสามารถถ่ายโอนจาก
ชาติหนึ่งไปสู่อีกชาติหนึ่ง
[2]ในการสืบสวนกรณีในประเทศต่าง ๆ เป็นระยะเวลา 40 ปี เขาได้ตรวจสอบกรณีเด็ก 3,000 รายที่อ้างว่า จำชาติก่อน ๆ ได้
[3]จุดยืนของเขาคือว่า
โรคกลัว โรคใคร่ (philia) ความสามารถแปลก ๆ และความเจ็บป่วยบางอย่าง ไม่สามารถอธิบายได้อย่างสมบูรณ์โดย
กรรมพันธุ์หรือ
สิ่งแวดล้อมเขาเชื่อว่า นอกเหนือจากกรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม การกลับชาติมาเกิดใหม่อาจเป็นปัจจัยที่สาม
[4][5]ในปี 1982 สตีเวนสันช่วยก่อตั้งสมาคมเพื่อการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ (Society for Scientific Exploration)
[upper-alpha 1] เป็นนักเขียนบทความราว 300 บทและหนังสือ 14 เล่มเรื่องการกลับชาติมาเกิด รวมทั้ง Twenty Cases Suggestive of Reincarnation (กรณีศึกษา 20 รายที่แสดงนัยว่ากลับชาติมาเกิด, 1996)Cases of the Reincarnation Type (กรณีศึกษาประเภทกลับชาติมาเกิด 4 เล่มระหว่างปี 1975-1983) และ European Cases of the Reincarnation Type (กรณีศึกษายุโรปประเภทกลับชาติมาเกิด, 2003)งานใหญ่ที่สุดของเขาเป็นชุดหนังสือสองเล่มมี 2,268 หน้าปี 1997 คือ Reincarnation and Biology: A Contribution to the Etiology of Birthmarks and Birth Defects (การกลับชาติมาเกิดกับชีววิทยา - ผลงานในเรื่องสมุฏฐานของตำหนิผิวและความพิการแต่กำเนิด)ซึ่งรายงานกรณี 200 รายที่ตำหนิผิวและ
ความพิการดูคล้ายแผลของคนตายผู้ที่เด็กสามารถระลึกถึงชีวิตได้เขาเขียนหนังสือเรื่องเดียวกันที่สั้นกว่า (1997) สำหรับผู้อ่านทั่วไปคือ Where Reincarnation and Biology Intersect (จุดที่การกลับชาติมาเกิดบรรจบกับชีววิทยา)
[8]งานของเขาได้รับการตอบรับอย่างหลายหลากในบทความประกาศ
มรณกรรมของสตีเวนสันใน
หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ นักข่าวได้เขียนว่า ผู้สนับสนุนมองเขาว่าเป็นอัจฉริยะที่คนเข้าใจผิด, นักวิทยาศาสตร์โดยมากมองข้ามงานวิจัยของเขา และผู้กล่าวร้ายมองเขาว่าจริงใจแต่ถูกหลอกง่าย
[9]ชีวิตและผลงานของเขากลายเป็นประเด็นของหนังสือเชิงสนับสนุน 3 งาน คือ Old Souls: The Scientific Search for Proof of Past Lives (1999) โดยนักข่าวของ
เดอะวอชิงตันโพสต์ ทอม ชโรเดอร์, Life Before Life (2005) ของจิตแพทย์และผู้ร่วมงานที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียคือจิม ทักเกอร์และ Science, the Self, and Survival after Death (2012) โดยผู้ร่วมงานเอมิลี วิลเลียมส์ เคลลี ส่วน
ผู้ไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะนัก
ปรัชญาชาวอินเดียซี.ที.เค. ชารี (C. T. K. Chari, 1909-1993) และชาวออสเตรีย-อเมริกันพอล เอ็ดวาร์ดส (1923-2004) ได้ยกปัญหาหลายอย่างรวมทั้งข้ออ้างว่าเด็กหรือพ่อแม่ที่สตีเวนสันสัมภาษณ์หลอกเขา ว่าเขาถามคำถามนำเด็ก ว่าเขามักทำงานร่วมกับคนแปลซึ่งเชื่อสิ่งที่ผู้รับสัมภาษณ์กล่าว และว่าข้อสรุปของเขามี
ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน (confirmation bias) เพราะกรณีที่ไม่สนับสนุน
สมมติฐานของเขาไม่ได้นับว่า เป็นหลักฐานค้าน
[10]